“หัวเทียน” เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่จุดระเบิดของเครื่องยนต์ โดยปล่อยกระแสไฟแรงดันสูง หัวเทียนเป็นกลไกสำคัญต่อเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง เบนซิน และแก๊ส หรือก๊าซ โดยทั่วไปหัวเทียนจะรับแรงดันกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 10,000 โวลต์ ทนความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 องศาเซลเซียส รับแรงอัดได้อย่างน้อย 50 กก./ตร.ซม. และมีอายุการใช้งานทั่วไปประมาณ 5 หมื่น-1 แสนกม. หากมีการปรับแต่งระยะเขี้ยวให้เหมาะสม อย่างสม่ำเสมอ ทุก 2 หมื่นกม.
แต่หากเขี้ยวสึกหรอมาก หรือฉนวนกระเบื้องแตกร้าวเสียก่อน ก็ให้เปลี่ยนใหม่ รถหลายๆยี่ห้อ แนะนำให้ตัดปัญหาโดยการเปลี่ยนหัวเทียนทุกๆ 2 หมื่นกม. ซึ่งออกจะสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น ที่สำคัญ หัวเทียนใหม่แกะกล่อง ต้องถูกตั้งระยะเขี้ยวตามที่ผู้ผลิตเครื่องยนต์นั้นๆกำหนดไว้ (ค่าระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนมาตรฐานจะประมาณ 0.6-0.8 มิลลิเมตร (0.024-0.031 นิ้ว) ก่อนใส่เข้าไป มิฉะนั้น หัวเทียนใหม่ๆ อาจมีประสิทธิภาพสู้หัวเทียนเดิมที่ถอดออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำไป
การจุดระเบิด จะต้องอาศัยปัจจัยประกอบหลาย ๆ ส่วนทั้ง อากาศ น้ำมัน อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ และการจุดระเบิดของหัวเทียน โดยมี อีซียู (สมองกล ) เป็นตัวคำนวณให้หัวฉีด ทำหน้าที่ ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างพอเหมาะเข้าไป ในห้องห้องเผาไหม้ โดยวิเคราะห์ผ่านเซ็นเซอร์จุดต่าง ๆ ก่อนประมวลผล เมื่อผสมคลุกเคล้ากับไอดี หัวเทียน จะเป็นตัวจุดระเบิด ประกายไฟแรงสูง ตามจังหวะการสั่งของ อีซียู จนเครื่องยนต์ติด ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ให้รถขับเคลื่อนไปได้
ประเภทของหัวเทียน แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ หัวเทียนร้อน เหมาะสำหรับเครื่องยนต์ที่ทำงานรอบต่ำๆ ส่วน หัวเทียนเย็น เหมาะสำหรับการใช้งานเครื่องยนต์ รอบสูงๆ เช่น ผู้ที่มีนิสัยขับรถเร็ว หรือ รถแข่ง หัวเทียน ถูกกำหนดด้วยตัวเลข ตัวเลขยิ่งน้อยหมายถึงหัวเทียนยิ่งร้อน ตัวเลขยิ่งมากหมายถึงหัวเทียนยิ่งเย็น ทั้งนี้ควรเลือกใช้หัวเทียนตามมาตรฐานที่กำหนดมาจากผู้ผลิต โดยอาจจะปรับลด – เพิ่ม เบอร์ได้เล็กน้อยได้ตามนิสัยการขับขี่
สีหัวเทียนบ่งบอกสุขภาพเครื่องยนต์
*หัวเทียนมีสภาพแห้ง คราบที่เกาะบริเวณเขี้ยวหัวเทียนมีสีน้ำตาลอ่อนๆ สภาพเช่นนี้ เป็นลักษณะของการเผาไหม้ ของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์แบบ สุขภาพเครื่องยนต์ การทำงานของระบบต่างๆ ยังอยู่ในสภาพปกติดี
*หัวเทียนมีคราบเขม่าสีขาว-สีเหลืองจับอยู่ ลักษณะเช่นนี้บอกให้รู้ว่า องศาการจุดระเบิดผิดเพี้ยน หรือที่เราเรียกกันว่า ไฟอ่อน การแก้ไข คือปรับตั้งองศาจานจ่ายใหม่ให้แก่ขึ้น และควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ด้วย
*หัวเทียนมีสีดำแห้ง สามารถเช็ดออกได้ง่าย ลักษณะเช่นแสดงว่าส่วนผสมหนา (น้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราส่วนผสมที่มากกว่าอากาศ) คราบที่พบคือส่วนที่ตกค้างของละอองน้ำมันที่มากเกินกว่าความต้องการของเครื่องยนต์ การแก้ไขให้ช่างผู้ชำนาญ ตรวจเช็ค-ซ่อมระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
*หัวเทียนแฉะน้ำมันเครื่อง บ่งบอกว่าเครื่องยนต์ เกิดการสึกหรอในกระบอกสูบ จนน้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าสู่ห้องเผาไหม้ สาเหตุอาจเกิดจากแหวนลูกสูบ – กระบอกสูบสึกหรอ-ซีลไกด์วาล์วเสื่อมสภาพ
*หัวเทียนกร่อนและไหม้ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์ มีอุณหภูมิที่สูงเกินไป สาเหตุอาจเนื่องมาจากการเลือกใช้เบอร์ของหัวเทียนไม่เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน หัวเทียนไม่สามารถคายความร้อนออกสู่ภายนอกได้อย่างเหมาะสม หรือเกิดจากการชิงจุดระเบิด (PRE-IGNITION) อันเนื่องมาจากเครื่องยนต์มีอุณหภูมิร้อนจัด จนส่วนปลายเขี้ยวหัวเทียนระอุจนเป็น สีแดงเกือบหลอมละลาย
เพียงแค่สังเกตุสีหัวเทียน ก็ทำให้สามารถบ่งบอกถึงสุขภาพเครื่องยนต์ของท่านได้ว่าถึงเวลาควรพบช่างเพื่อซ่อมบำรุงแล้วหรือยัง...
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด / www.mmsboschcarservice.com
อัพเดทข่าวสารผ่านทาง LINE
ไม่พลาดทุกโปรโมชั่นสุดคุ้มให้คุณได้รับทราบ
Add Friend ที่ ID : @masterusedcar