“ระบบพวงมาลัยช่วยผ่อนแรง” หรือที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันชื่อกันคือ “พวงมาลัยเพาเวอร์” (Power steering system) ในปัจจุบันถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อรุ่นเพื่อความสะดวกสบายและช่วยผ่อนแรงในการขับขี่ โดยจะมีทั้งระบบไฟฟ้าและระบบไฮดรอลิก ถึงตรงนี้หลาย ๆ ท่านคงเกินคำถามว่าอ้าวแล้วมันแตกต่างกันอย่างไร-ระบบไหนดี-ดูแลรักษาอย่างไรถึงจะถูกวิธี “รู้ก่อนเหยียบ” จึงขอนำทุกท่านมารู้จักกับ “พวงมาลัยเพาเวอร์” ทั้งระบบไฟฟ้าและระบบไฮดรอลิก กันแบบปอนด์ต่อปอนด์
แรกเริ่มเดิมที ในรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ยังไม่มีระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงการหมุนพวงมาลัยในพื้นที่แคบ ๆ หรือขณะรถหยุดนิ่งนั้นสร้างความลำบากให้ผู้ขับขี่ที่ต้องใช้กำลังในการเอาชนะแรงต้านระหว่างหน้าสัมผัสยางกับพื้นถนน ดังนั้นรถยนต์ในยุคต่อ ๆ มาจึงมีการคิดค้นและติดตั้งระบบพวงมาลัยเพาเวอร์เอาไว้ เริ่มต้นด้วยระบบแรงดันของน้ำมันไฮดรอลิก ช่วยผ่อนแรงซึ่งมีการปรับปรุงพัฒนามาหลายยุค และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าตามลำดับ
-ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก (Hydraulic Power Steering) ทำงานโดยอาศัยกำลังจากเครื่องยนต์ผ่านสายพานหมุนปั๊มสร้างแรงดันไฮดรอลิก ก่อนส่งกำลังผ่านท่อแรงดันไปยังกระปุกพวงมาลัย หรือแร็กพวงมาลัย เพื่อช่วยผ่อนแรง ทำให้พวงมาลัยหมุนได้เบามือนั่นเอง
ข้อดี
-พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก ที่สมบูรณ์จะให้ความแม่นยำสูงในการขับขี่ทั้งทางตรงและยามเข้าโค้ง
ข้อเสีย
-เมื่อต้องเกี่ยวดองหนองยุ่งกับน้ำมันในการถ่ายทอดกำลัง ดังนั้นเมื่อมีชิ้นส่วนอาทิ ซีล-ท่อทางชำรุด ก็ย่อมเกิดปัญหารั่วซึม
ข้อควรระวัง
-หลีกเลี่ยงการหักพวงมาลัยจนสุด ค้างไว้นานๆ เนื่องจากจะทำให้น้ำมันเกิดแรงดันสูงกว่าปกติ จนอาจทำให้เกิดการรั่วซึมของระบบได้
-ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ระบบนี้จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวสร้างกำลังช่วยผ่อนแรงแทนปั๊มแรงดันไฮดรอลิก เมื่อผู้ขับขี่หักพวงมาลัยจะมีเซ็นเซอร์ ตรวจจับก่อนส่งให้กล่องควบคุมสั่งการให้มอเตอร์ทำงาน นอกจากนี้ในช่วงความเร็วต่ำจะให้ความรู้สึกที่เบากว่าพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอริก และจะรู้สึกหนืด-หนักขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง ทั้งนี้ในรถบางรุ่นยังสามารถเลือกปรับโปรแกรมได้หลากหลายรูปแบบ
ข้อดี
-ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า จะให้ค่าความหนัก-เบาของพวงมาลัยที่แตกต่างเพื่อความปลอดภัยในแต่ละช่วงความเร็ว
-เมื่อใช้มอเตอร์ในการสร้างกำลังจึงตัดปัญหากวนใจเรื่องการรั่วซึมของระบบทิ้งไป
-สามารถลดกำลังเครื่องยนต์ลง จึงทำให้อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงลดลงตามไปด้วย แม้อาจจะเล็กน้อยก็ตาม
ข้อเสีย
-มีระยะฟรีและความแม่นยำน้อยกว่า ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก
เทคนิคควรรู้
ส่องต้นเหตุ”พวงมาลัยหนัก”
-ปั๊มไฮดรอลิก ชำรุดเสียหาย โดยส่วนใหญ่อาการนี้มักจะมาพร้อมกับเสียงหอน-เสียงคราง สามารถแก้ไขได้โดยการรื้อซ่อมแซมชิ้นส่วนภายใน แต่ถ้าเกินเยียวยา สามารถหาซื้อปั๊มใหม่หรือมือสองมาเปลี่ยนได้
-ระดับน้ำมันต่ำเกินไป ส่งผลให้ปั๊มไฮดรอลิกไม่สามารถสร้างกำลังได้เต็มที่ ควรเติมให้อยู่ในระดับปกติและหมั่นตรวจสอบเสมอ
-น้ำมันขาดจากการรั่วซึม ให้ตรวจสอบหาจุดที่รั่วซึมแล้วแก้ไข ก่อนเติมให้อยู่ในระดับปกติ
-เติมน้ำมันผิด ปัญหายอดฮิตที่พบเห็นได้บ่อย ๆ แก้ไขโดยถ่ายทิ้งทั้งระบบแล้วเติมน้ำมันใหม่
-อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนในระบบบังคับเลี้ยว อาทิลูกหมาก ชำรุดเสียหาย
-ลมอ่อน-รถไม่ได้ศูนย์
-มอเตอร์หรือกล่องควบคุมชำรุดเสียหาย (เฉพาะในรถที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า) สามารถสังเกตไฟเตือนรูปพวงมาลัยบนหน้าปัด ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้ชำนาญ
ก็ลองชั่งใจกันดูครับสำหรับรถยนต์ใหม่บางรุ่นที่มีระบบพวงมาลัยให้เลือกทั้งสองระบบ ส่วนรถเก่าที่เบื่อหน่ายปัญหารั่วซึมก็ไม่ต้องน้อยใจไปเพราะเดี๋ยวนี้ เชียงกง เค้าอิมพอร์ท ชุดพวงมาลัยไฟฟ้ามือสองสำหรับรถบางรุ่นที่เมืองนอกเค้าติดตั้งระบบไฟฟ้าจากโรงงานใช้กันกว่า 10 ปี แต่ไฉนพี่ไทยอย่างเรา ๆ กลับไม่มีใช้...
ขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด
อัพเดทข่าวสารผ่านทาง LINE
ไม่พลาดทุกโปรโมชั่นสุดคุ้มให้คุณได้รับทราบ
Add Friend ที่ ID : @masterusedcar