ทราบหรือไม่ว่าเมื่อโช้คอัพชำรุดจะส่งผลอย่างไร?
โช้คอัพ ชิ้นส่วนอะไหล่สำคัญที่ช่วยรองรับแรงกระแทก และลดแรงสั่นสะเทือนของรถ มีหน้าที่ช่วยยับยั้งการดีดตัวของสปริง หรือช่วงล่างให้สอดคล้องไปกับสภาวะของผิวถนนขณะที่รถวิ่ง โช้คอัพที่มีคุณภาพสูง จะช่วยลดการเสียดสีและการสึกหรอของยาง ตลอดจนอะไหล่ช่วงล่าง โดยเฉพาะลูกหมาก บูชยาง ระบบกันสะเทือน ตลอดจนช่วยให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีขณะเข้าโค้ง โดยปกติโช้คอัพจะมีอายุการใช้งานประมาณ 50,000-100,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี
ท่านสามารถตรวจสอบสภาพของโช้คอัพได้ด้วยตัวเอง โดยการจอดรถยนต์นิ่งๆ ใช้น้ำหนักร่างกายขย่มลงบนเหนือตัวถัง ใกล้กับล้อของโช้คอัพตัวที่ต้องการตรวจสอบ ขย่มลงไปสัก 5 ครั้งและปล่อย ถ้าโช้คอัพยังดี ตัวรถยนต์ต้องขยับขึ้นลงอีก 1-3 ครั้ง แสดงว่าโช้คอัพยังควบคุมความยืดหยุ่นได้ แต่ถ้าตัวรถยนต์ยังขยับขึ้นลงมากกว่า 3 ครั้ง แสดงว่าโช้คอัพหมดความหนืด ไม่สามารถควบคุมความยืดหยุ่นได้ เรียกว่าโช้คอัพตาย ไม่สามารถยืดยุบตัวได้ตามปกติ
โช้คอัพที่เสื่อมคุณภาพจะทำให้รถเกิดการโยนตัวเมื่อเข้าโค้ง เบรกไม่หยุดทันที ความสมดุลของจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถผิดผลาด ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้โช้คอัพที่เสื่อมคุณภาพ ยังทำให้ดอกยางสึก โดยหน้ายางจะสึกเป็นช่วงๆ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการ สึกหรอของอะไหล่ช่วงล่าง อันเนื่องมาจากแรงกระแทกด้วย
ประเภทของโช้คอัพ
• แบ่งตามโครงสร้างของกระบอก
• โช้คอัพกระบอกเดี่ยว (Mono Tube)
• โช้คอัพกระบอกคู่ (Double Tube)
• แบ่งตามลักษณะการใช้งาน
• โช้คอัพทำงานจังหวะเดียว
• โช้คอัพทำงานสองจังหวะ
• แบ่งตามคุณสมบัติ
• โช้คอัพน้ำมัน จะใช้น้ำมันไฮดรอลิคส์เป็นตัวกลางทำงานเพียงอย่างเดียว
• โช้คอัพแก๊ส โช้คอัพชนินี้บรรจุน้ำมันไฮดรอลิคส์ และแก๊สไนโตรเจนเข้าไปภายในกระบอกโช้คอัพ
อาการโช้คอัพชำรุด
โช้คอัพที่ชำรุดจะส่งผลให้ระบบรองรับน้ำหนักและการบังคับเลี้ยวของรถยนต์เปลี่ยนไป เช่น รถจะมีอาการโคลงตัวขณะเลี้ยว ดอกยางสึกผิดปกติ การบังคับรถยากขึ้น และเกิดเสียงดัง ในบางครั้งเสียงดังที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ อาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น ระบบรองรับน้ำหนักสึกหรอ ศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง หรือแรงดันของลมยางไม่ถูกต้อง ควรตรวจสอบลูกหมากต่างๆ ยางรอง อย่างน้อย ทุกๆ 40,000 กิโลเมตร
คุณทราบหรือไม่ว่าถ้าโช้คอัพชำรุดจะส่งผลอย่างไร
เกิดการกระแทกอย่างรุนแรง
เมื่อโช้คอัพแตกหรือรั่วซึม โช้คอัพจะไม่สามารถหน่วงการยึดหรือยุบตัวของสปริงได้ เมื่อล้อบดทับบนก้อนกรวดหรือตกหลุม สปริงจะมีการยุบและยืดตัวอย่างเต็มที่จนสุดระยะยุบ เป็นผลให้เกิดการกระแทกของชิ้นส่วน
เสียการทรงตัว
ผู้ขับขี่จะควบคุมการขับได้ไม่ดี เพราะสปริง และระบบรองรับน้ำหนักของรถยนต์เต้นจนลอยจากพื้นถนน และหากเกิดในขณะที่ขับรถเข้าโค้ง แม้โช้คอัพจะเสียเพียงข้างเดียว ผลที่เกิดขึ้นจะทำให้สมดุลในการทรงตัวของรถทั้งคันเสียไป เป็นเหตุไม่ปลอดภัยในการขับขี่
ยางสึกผิดปกติ
การชำรุดของโช้คอัพจะส่งผลต่อการสึกของยางเพิ่มขึ้น โดยยางจะมีลักษณะการสึกเป็นหลุม ลึกเป็นช่วงๆ ยางรถยนต์จะสัมผัสกับถนนไม่เต็มหน้าและหากเกิดในขณะที่ขับรถเข้าโค้ง จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากขึ้น
ระบบรองรับน้ำหนักสึกหรอเพิ่มขึ้น
การขับขี่รถยนต์ที่มีการชำรุดของโช้คอัพ 50% ส่งผลต่อระยะเบรกที่เพิ่มขึ้น 2.6 เมตร ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
เพิ่มอาการเหินน้ำ (Hydroplane)
การชำรุดของโช้คอัพ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการเหินน้ำ (Hydroplaning) ในขณะที่วิ่งบนถนนที่มีน้ำหรือในขณะฝนตก
เสี่ยงต่ออุบัติเหตุในเวลากลางคืน
การชำรุดของโช้คอัพทำให้รถโคลงตัว ซึ่งจะทำให้ไฟหน้าของรถยนต์ส่องไม่คงที่ ส่งผลให้ผู้ที่ขับรถสวนมา อาจตาพร่ามัว และทำให้เกิดอุบัติเหตุ
การตรวจสอบการชำรุดของโช้คอัพ
วิธีการที่ทำได้ง่ายที่สุด คือการสังเกตจากสภาพภายนอก เช่นอาจจะสังเกตจากสภาพการสึกของดอกยาง อาการที่รู้สึกได้จากการขับขี่บนท้องถนนที่ทำให้กการขับขี่ไม่นิ่มนวล ซึ่งอาการผิดปกติอาจเกิดขึ้นจากโช้คอัพ แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีในการตรวจสอบความบกพร่องของโช้คอัพ เช่น
• เครื่องทดสอบโช้คอัพ (Shock Tester Machine)
• การขับทดสอบ (Road Test)
• การตรวจสอบจากสภาพภายนอก (Visual Around check)
• การเทียบกับของใหม่ (Compare with new shock)
สิ่งที่ควรรู้กับการเปลี่ยนโช้คอัพใหม่
• การติดตั้งโช้คอัพมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ดังนั้นควรได้รับการติดตั้งจากช่างผู้ชำนาญ
• แม้โช้คอัพเป็นอุปกรณ์ความสำคัญของระบบรองรับน้ำหนัก แตโช้คอัพไม่ได้ทำหน้าที่รับน้ำหนักบรรทุก โช้คอัพเป็นตัวหน่วงเพื่อให้รถยนต์ได้รับแรงสะเทือนน้อยที่สุด ทำให้ล้อรถยนต์สามารถสัมผัสกับพื้นผิวของถนนขณะรถวิ่งได้อย่างสมดุล
• ควรหลีกเลี่ยงสภาพถนนที่มีสภาพไม่ดี เป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะจะทำให้โช้คอัพต้องทำงานหนัก
• การขับรถตกหลุมแรงๆ หรือขับด้วยความเร็วขึ้น –ลง ลูกระนาด ทำอายุการใช้งานสั้นลง
• หลังการติดตั้งโช้คอัพใหม่ๆ ไม่ควรขับในพื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ควรขับรถบนทางเรียบประมาณ 300-500 กิโลเมตรก่อน เพื่อเป็นการวอร์มโช้คอัพ ถ้ายังมีอาการที่รู้สึกผิดปกติอยู่ให้ปรึกษาช่างผู้ชำนาญ
• หลังการติดตั้งโช้คอัพใหม่ต้องผ่านการตั้งศูนย์ล้อด้วยเสมอ
• การเปลี่ยนโช้คอัพ ควรจะคำนึงถึงให้ความปลอดภัยและการเกาะถนนเป็นหลัก เพราะแม้จะได้ความรู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่ แต่การยึดเกาะถนนอาจลดน้อยลง ซึ่งถือว่าไม่คุ้มค่าเลย
• การทดสอบโดยการกด หรือขย่มตัวถังรถ ไม่สามารถบอกได้ว่าโช้คอัพอยู่ในสภาพดีหรือเสีย เนื่องจากรถยนต์แต่ละรุ่นวิศวกรออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป เช่น รถแข่ง รถสปอร์ต รถรีมูซีน รถส่วนบุคคล หรือรถกระบะ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการทดสอบโดยการขย่มแล้วปล่อย หากรู้สึกว่ารถนั้นใช้เวลา 2-3 ครั้งก่อนจะหยุด แต่ไม่ได้หมายความว่ารถคันที่ทดสอบนั้นโช้คชำรุดหรือไม่ ในทางตรงกันข้ามการเคลื่อนตัวของโช้คครั้งหรือสองครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าโช้คนั้นจะดี
• ปัจจุบันมีโช้คอัพให้เลือกใช้หลากหลายประเภท ดังนั้นควรสอบถามคุณสมบัติต่างๆ ของโช้คอัพแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นถึงรายละเอียดสมรรถนะที่เหมาะสมกับพฤติกรรมในการขับขี่ของผู้ใช้ กรณีที่เลือกประเภทของโช้คอัพไม่ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้ อาจทำให้รู้สึกได้ว่าการขับขี่นั้นไม่เป็นไปตามคาดหวัง เช่น เลือกโช้คอัพที่ใช้กับรถสปอร์ต คุณสมบัติยึดเกาะถนนดีมีเสถียรภาพที่ความเร็วสูงๆ มาใส่ในรถรีมูซีน ซึ่งผู้ขับต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่ สิ่งที่ได้รับจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม เป็นต้น
อัพเดทข่าวสารผ่านทาง LINE
ไม่พลาดทุกโปรโมชั่นสุดคุ้มให้คุณได้รับทราบ
Add Friend ที่ ID : @masterusedcar