มีคำถามจากผู้ใช้รถรายหนึ่ง สรุปใจความได้ว่า ใช้รถโตโยต้า อัลติส 1.8 ปี 2002 วิ่งมา 2.8 แสนกิโลเมตร เกิดปัญหาไฟ Check Engine ขึ้นโชว์บนหน้าปัด เครื่องสั่นเร่งไม่ค่อยขึ้น นำรถเข้าอู่ ช่างทำการตรวจเช็คแล้วแจ้งว่าปัญหาเกิดจาก คอยล์จุดระเบิดสูบ 3 เสีย จึงเปลี่ยนใหม่พร้อมหัวเทียนอีก 1 ชุด เมื่อนำรถกลับไปใช้ได้วันเดียวอาการเดิมก็เกิดขึ้นอีก จึงนำรถเข้าอู่อีกครั้ง คราวนี้ช่างทำการตรวจสอบโดยยกคอยล์จุดระเบิดขึ้นที่ละตัว แล้วบอกว่าสูบ 3 ที่เพิ่งเปลี่ยนคอยล์ใหม่ ไม่ทำงาน ก่อนลองสลับคอยล์ระหว่างสูบ 3 กับ 1 ปรากฏว่า สูบ 3 ก็ยังไม่ทำงานอีก จากนั้นทำการวัดกำลังอัดก็ปกติดี ช่างจึงแจ้งว่าต้นเหตุของปัญหาเกิดจาก “หัวฉีด”น้ำมันเสียแนะนำให้เปลี่ยนใหม่ทั้ง 4 หัว ราคาหัวละเกือบ 7,000 บาท จึงอยากจะถามว่าอาการดังกล่าวใช่หัวฉีดเสียใช่หรือไม่ และจะมีวิธีเซฟค่าใช้จ่ายอย่างไรได้บ้าง
จากข้อมูลข้างต้นหากวัดกำลังอัดและคอยล์จุดระเบิดปกติดี “หัวฉีด”ก็คือจำเลยสุดท้าย โดยหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายสามารถ หาซื้อหัวฉีดมือ 2 สภาพดี ๆ ได้ตามเชียงกง ทั้งนี้หากหาของ อัลติส 1.8 ไม่ได้สามารถ ใช้หัวฉีดของเครื่องยนต์ 1J vvti ทดแทนได้ เนื่องจากมีปริมาตรการฉีดเท่ากันที่ 250 ซีซี แถมราคาแสนถูก 4 หัวไม่เกิน 1,500 บาทครับ
สำหรับ“หัวฉีด”(Electronic Fuel Injection: EFI) เป็นอุปกรณ์จ่ายน้ำมันแก๊สโซลีน (เบนซิน)เข้าไปยังห้องเผาไหม้ ถือกำเนิดขึ้นมาทดแทนระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ โดยเจ้าหัวฉีดจะจ่ายเชื้อเพลิงออกมาเป็นฝอยละเอียดเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง ภายใต้การควบคุมการฉีด ที่แม่นยำของกล่องอีซียู ทำให้ประหยัดกว่าระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ มากเลยทีเดียว
การทำงานของฉีด เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ กล่องอีซียู จะประมวลผลจากเซ็นเซอร์ที่ตำแหน่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลิ้นเร่ง- ปริมาตรอากาศ-อุณหภูมิ-ไอเสีย ก่อนสั่งการให้หัวฉีดทำงาน ด้วยการสร้างสนามแม่เหล็กผ่านขดลวดเพื่อยกเข็มหัวฉีดในระยะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้เมื่อเข็มหัวฉีดยกขึ้น เชื้อเพลิงซึ่งมีแรงดันจากปั้ม จะถูกปล่อยเป็นฝอยละเอียดผ่านหัวฉีดผสมกับอากาศเป็นไอดีเข้าไปยังห้องเผาไหม้ และเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน กล่องอีซียูก็จะประมวลผล พร้อมปรับการฉีดเชื้อเพลิงให้มีความเหมาะสมต่อการทำงานแต่ละความเร็วรอบ ส่งผลให้ได้ความประหยัด ไอเสียน้อยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขอบคุณข้อมูลจาก : บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด